อาการตกขาว เป็นอาการที่มีของเหลวสีใส หรือสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม ไหลออกมาจากน้องสาวของคุณ มองผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง แต่ถ้าเริ่มมีอาการตกขาวมากกว่าปกติ ตกขาวมีกลิ่น เปลี่ยนสี และมีอาการคันร่วมด้วยล่ะก็ นั่นเริ่มเป็นสัญญาณอันตรายแล้วว่า เรากำลังมีตกขาวผิดปกติ
การรักษาด้วย : Ister ผลิตภัณฑ์รักษาและทำความสะอาดสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
อาการตกขาวที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด คือ เกิดจากภาวะที่น้องสาวของเราอักเสบจากแบคทีเรีย เป็นการอักเสบภาย ที่เกิดจากการไม่สมดุลของแบคทีเรียที่ดี (Lactobacillus) และ แบคทีเรียไม่ดี (Anaerobes) ภายใน จึงทำให้เกิดอาการระคายเคือง คัน มีตกขาวผิดปกติ
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อีสเทอร์ จะช่วยคุณแก้ปัญหาจากต้นเหตุ โดยการปรับสมดุลภายในให้มีแบคทีเรียดีมากขึ้น โดยการยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรียไม่ดี (Anaerobes) ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% และเป็นสารสกัดที่เราคัดเลือกแล้วว่าใช้สำหรับภายในผู้หญิงเท่านั้น พร้อมกับบรรจุภัณฑ์หลอด ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ ปลอดภัยกว่าใช้มือตัวเองหลายเท่า เพราะหลายครั้งที่อาการเหล่านี้ไม่หาย เกิดจากการสอดยาไม่ถึงบริเวณน้องสาว เราจึงแก้ปัญหานี้โดยพัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ได้รูปกับสรีระผู้หญิง เพื่อให้ตัวเนื้อ เจลเข้าไปได้ถึงด้านใน อีสเทอร์จึงช่วยทำความสะอาดและรักษาภายในผู้หญิงได้ลึกและตรงจุดที่สุด
ควรใช้ขั้นต่ำ 7 วัน ติดต่อกัน เพื่อเป็นการปรับสมดุลภายใน และฆ่าเชื้อแบคทีเรียไม่ดี ช่วงวันแรก อาจจะมีของเหลวใสๆ ออกมาพร้อมเจลทำความสะอาด นั่นคือสิ่งสกปรกที่ตกค้างภายใน เจลรักษาและทำความสะอาดอีสเทอร์ยังช่วยล้างระบบนิเวศภายในใหม่ 3 วันแรก กลิ่นคาว จะหาย และอาการตกขาวจะเริ่มดีขึ้น เป็นลำดับ เมื่อใช้ครบ 7 วัน
การรักษาด้วย : ยาปฏิชีวนะ
การใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการรักษาอาการตกขาวผิดปกติ โดยการซื้อทานได้จากร้านขายยาทั่วไป หรือตามแพทย์สั่ง โดยยาปฏิชีวนะ จะมีลักษณะเป็นแบบรับประทาน โดยยาปฏิชีวนะจะเป็นยาแก้อักเสบ (ยาฆ่าเชื้อ) อาจะมีมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เพราะยาได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งดี และไม่ดีออกทั้งหมด จึงเป็นสาเหตุทำให้น้องสาวแห้งหลังจากใช้ยา
**ข้อความระวังของการใช้ยาปฏิชีวินะ**
- ไม่ควรทานติดต่อกันจนบ่อยเกินไป เพราะอาจเกิดอาการดื้อยาได้
- ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งเมื่อใช้ยา เพราะยาปฏิชีวนะบางตัวจะมีปฏิกิริยาออกฤทธิ์ต่อต้านการรักษาบางชนิด เราต้องแจ้งแพทย์ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา เพราะยาบางชนิดจะทานร่วมกันไม่ได้ นอกจากนี้ยาปฏิชีวนะ ยังรับประทานร่วมกับผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเหลือง แคลเซียม หรือเหล็กไม่ได้ เช่นกัน หากจะทานจริงๆ ต้องเว้นระยะ 1-2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของยา นอกจากนี้การทานยาปฏิชีวนะก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ไตทำงานหนักขึ้นอีกด้วยค่ะ
การรักษาด้วย : ยาสอด หรือยาเหน็บ
คือการรักษาโดยใช้ยาที่ใช้สอดเข้าไปในน้องสาว หรือท่อปัสสาวะ นิยมใช้ในกรณีที่ไม่อาจรักษาด้วยยารับประทานหรือการรักษารูปแบบอื่น ยาสอดดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและออกฤทธิ์ได้เร็วกว่ายาชนิดรับประทาน เนื่องจากยาจะละลายอย่างรวดเร็วและซึมเข้าสู่กระแสเลือดบริเวณใกล้เคียงได้โดยไม่ต้องผ่านกระเพาะอาหาร
โดยยาสอดจะเข้าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งหมดใน บริเวณน้องสาวเพื่อฆ่าเชื้อให้หมด จึงทำให้อาการหายเร็ว แต่ก็ต้องแลกกับการที่แบคทีเรียดีนั้นหายไปด้วย จึงอาจจะทำให้เกิดสมดุลของน้องสาวเสีย นั้นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมประเภทยาสอดนั้นใช้แล้ว รักษาอาการไว แต่มักจะเกิดอาการซ้ำไม่หายขาด
**ข้อควรระวัง***
- ขั้นตอนการสอดยาค่อนข้างยุ่งยาก ผู้ป่วยอาจสอดยาเองไม่ได้ หรือเกิดการติดเชื้อจากมือของผู้ใช้ เพราะล้างมือไม่สะอาด หรือสอดไม่ถึงด้านในสุดของน้องสาว และยาอาจละลายหรือรั่วไหลออกมาจากบริเวณน้องสาวจนเปื้อนกางเกงชั้นใน
- ยานี้อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น มีหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ เคยได้รับการรักษาด้วยรังสีบริเวณน้องสาว เป็นต้น